มาทำความรู้จักระบบบันทึกกำไรขาดทุนหุ้น (FIFO) กันเถอะ
สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แล้วประสบปัญหาว่าการคิดกำไรขาดทุนที่บริษัทโบรเกอร์คิดให้ ไม่ตรง จนทำให้ในบางครั้งเกิดมีการโต้เถียงกันระหว่างบริษัทโบรกเกอร์และลูกค้า
สาเหตุหลัก ๆ เกิดจากการที่ระบบบันทึกกำไรขาดทุนของบริษัทโบรกเกอร์และของลูกค้าไม่ตรงกัน สำหรับโบรกเกอร์แล้วใช้ระบบการบันทึกกำไร FIFO หรือ First In First Out นั่นเอง
ระบบการ FIFO หรือ First In First Out เป็นระบบที่ใช้แพร่หลายทั้งในเรื่องของภาษี การบริหารสินค้าคงเหลือในคลังสินค้า
ระบบ FIFO หรือ First In First Out สำหรับการคำนวณกำไร/ขาดทุนของพอร์ต จะแสดงต้นทุนเฉลี่ยดดยคำนึงถึงหุ้นที่เข้าและออกก่อน
เช่น
ตัวอย่างที่ 1
ซื้อหุ้น A ครั้งแรก 1,000 หุ้น ราคา 5 บาท
ซื้อหุ้น A ครั้งที่สอง 1,000 หุ้น ราคา 10 บาท
ขายหุ้นออกไป 1,000 หุ้น ราคา 10 บาท
คำถามถือโบรกเกอร์จะแสดงต้นทุนหุ้นที่เหลือออกมากี่บาท และจะแสดงกำไรจากการขายหุ้นกี่บาท
กำไรจากการขายหุ้น 1,000 หุ้น เท่ากับ
(10 – 5) x 1,000 = 5,000 บาท โดยคิดจากต้นทุนครั้งแรก
ส่วนสถานะหุ้นในพอร์ตการลงทุนจะแสดง กำไร (10 – 10) x 1,000 = 0 บาท
ตัวอย่างที่ 2
ซื้อหุ้น A ครั้งแรก 1,000 หุ้น ราคา 10 บาท
ซื้อหุ้น A ครั้งที่สอง 1,000 หุ้น ราคา 5 บาท
ขายหุ้นออกไป 1,000 หุ้น ราคา 10 บาท
กำไรจากการขายหุ้น 1,000 หุ้น เท่ากับ
(10 – 10) x 1,000 = 0 บาท โดยคิดจากต้นทุนครั้งแรก
ส่วนสถานะหุ้นในพอร์ตการลงทุนจะแสดง กำไร 0 บาท
ส่วนสถานะหุ้นในพอร์ตการลงทุนจะแสดง กำไร (10 – 5) x 1,000 = 5,000 บาท
จริงๆเราเพัยงเข้าใจวิธีการจดบันทึกกำไรขาดทุนคร่าว ๆ ก็พอ สิ่งที่ต้องการจะแนะนำให้นักลงทุนปฏิบััติคือการที่นักลงทุนควรที่จะบันทึกกำไรขาดทุนของหุ้นเอง เพื่อให้เราสามารถเข้าใจต้นทุนที่แท้จริงของหุ้นในพอร์ตของเรานั่นเอง