การลงทุนสบายสไตล์ Passive

ช่วยแชร์ต่อนะครับ

กลยุทธ์การลงทุนสไตล์ Passive เป็นการลงทุนโดยการที่ลงทุนให้เหมือนกับตลาด คาดหวังผลตอบแทนเท่าตลาดโดยการทำการซื้อ Index fund ซึ่งข้อดีก็คือการกระจายความเสี่ยงเพราะการลงทุน Index fund เป็นการลงทุนในหุ้นหรือหลักทรัพย์หลาย ๆตัวเช่น SET50 Index fund ก็จะลงทุนในหุ้น 50 ตัว ที่สำคัญการลงทุนนี้ยังมีค่าบริหารกองทุนที่ต่ำ ทำให้ผลลัพธ์เมื่อเทียบกับการลงทุนสไตล์อื่น ๆถึงแม้ผลตอบแทนจากการบริหารจะเยอะแต่ก็ถูกหักล้างด้วยค่าดูแลกองทุน ทำให้ผลตอบแทนสุดท้ายน้อยกว่าการลงทุน Index fund

เดิมทีการลงทุนสไตล์ Passive จะลงทุนในหุ้นแต่ก็ได้มีการกระจายไปยังหลักทรัพย์อื่น ๆ อย่าง พันธบัตร โภคภัณฑ์

อ่านบทความ:ดัชนีหรือindexของหุ้นคืออะไร?

4 เหตุผลที่ทำไมถึงลงทุนแนว Passive

1. ในระยะยาวจะได้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยของนักลงทุนจะเท่ากับตลาดแต่นักลงทุนจะเสียเปรียบการลงทุนสไตล์ Passive ตรงที่ต้นทุนค่าธรรมเนียม นักลงทุนสไตล์ Passive จะเสียน้อยกว่าทำให้ผลลัพธ์สุดท้ายได้มากกว่านักลงทุนทั่วไป

2.แนวคิดตลาดมีประสิทธิภาพ เป็นแนวคิดที่ว่าราคาจะสะท้อนข้อมูลหมดแล้ว นั่นหมายความว่านักลงทุนไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้มากกว่าตลาดได้จากการใช้ข้อมูล จากการสังเกตๆได้เมื่องบที่ออกมาดี ราคาหุ้นจะขึ้นมาก่อนที่งบออกแล้ว กลับกันถ้างบจะออกมาแย่หรือขาดทุนราคาหุ้นจะลงก่อนที่งบจะประกาศ

3. การลงทุน Passive ไม่จำเป็นจะต้องตามข้อมูลอะไรมากเท่ากับการลงทุนทั่วไป ถ้าหากไม่ลงทุนที่ไม่ใช้การลงทุนแนว Passive เรามีโอกาสหมดตัวได้

4. การลงทุนแนว Passive มีโอกาสทำให้เราหมดตัวได้น้อยกว่าการลงทุนสไตล์ทั่วไป เนื่องจากการลงทุนสไตล์ Passive จะเน้นการลงทุนหลายๆตัวในตลาดถ้าบริษัทไหนเสียหายขาดทุนไปหรือล้มละลายไป ก็มีหุ้นหลายๆตัวมาทดแทน

การลงทุนแนว Passive จะเห็นได้ว่าเป็นการลงทุนที่ง่ายเหมาะกับคนที่ไม่ได้หวังผลตอบแทนสูงมากแต่ก็ไม่ได้ต่ำเกินไป จากการทดสอบย้อนหลังถ้าลงทุนแนว Passive ในตลาดหุ้นไทยในอดีตจะได้ผลตอบแทน 12% ต่อปี ในขณะที่นักลงทุนในระดับเซียนสไตล์ Active อย่าง ดร.นิเวศน์ สามารถสร้างผลตอบแทนต่อปีได้มากกว่า 20% ต่อปี แต่ต้องแลกด้วยการติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิดมีโอกาสขาดทุนมากกว่า Passive