สรุปภาพรวม CPALL ไตรมาส 3/2020 ผ่าน Oppday
ตัวเลขไตรมาสที่ 3 มีการปรับตัวดีขึ้นจากมาตรการคลายล็อค ผู้บริโภคกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่อย่างไรก็ตามก็ยังได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ยังหดตัว และผลจากการที่ยังไม่มีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยทำให้รายได้บริษัทไตรมาส 3 ลดลง 9.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน มาอยู่ที่ 81,968 ล้านบาท สำหรับกำไรสุทิลดลง 31.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วมาอยู่ที่ 3,842 ล้านบาท
ส่วนรายได้รวมไตรมาส 3 ลดลง 3.8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เท่ากับ 135,500 ล้านบาท กำไรสุทธิลดลง 28.8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ธุรกิจแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ร้านสะดวกซื้อและร้านค้าปลีกในรูปการขายส่ง (Cash and Carry) สำหรับไตรมาสที่ผ่านมา ร้านค้าปลีกในรูปการขายส่ง (Cash and Carry) มีรายได้เพิ่มขึ้น สาเหตุหลักมาจากแมคโครมีผลประกอบการโดดเด่น
การเปิดสาขาในไตรมาส 3 เปิดเพิ่มอีก 136 ร้าน ทำให้มีร้านค้า 7-11 จำนวน 12,225 ร้านในไตรมาส 3 นี้ การเปืดร้านใหม่ในไตรมาสที่ผ่านมายังกระจายทั้งกทม.และต่างจังหวัดทั้งบริหารเองและบริหารร่วม ร้านในปั๊มน้ำมันก็ยังมีการเปิดเพิ่มขึ้น
ร้าน 7-11 มียอดขายต่อวันต่อร้าน 69,068 บาท ยอดขายต่อร้านลดลง 14.3% สาเหตุมาจากการที่คนเข้าร้านลดลงเหลือคนเข้าร้าน 917 รายต่อร้านต่อคน แต่มูลค่าการซื้อของต่อบิลเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาเป็น 75 บาท
ในร้านค้ามีสินค้าเป็นอาหารและเครื่องดื่ม 71.5% อีก 28.5% เป็นสินค้าอุปโภค
งบรวมบริษัท
GROSS MARGIN 22.0%
EITDA MARGIN 8.8%
EBIT MARGIN 5%
NET MARGIN 3%
รายบริษัท
GROSS MARGIN 27.7%
EITDA MARGIN 11.7%
EBIT MARGIN 6.9%
NET MARGIN 4.7%
อย่าคลิกถ้าไม่อยากมีอิสรภาพการเงินด้วยหุ้นปันผล
หนี้สิน
D/E 1.87 เท่า มีการออกหุ้นกู้ 2.5หมื่นล้านเพื่อทดแทนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด
Inventory Days 25.6 วัน
Account Payable Days 59.9 วัน
Cash Cycle Days -33.2 วัน
เงินสด 48,614 ล้านบาท
ROA 4.1%
ROE 18.4%
แผนการลงทุน
ในปี 2020 จะเปิด 700 สาขา