กรณี Huawei ถูก Google แบนสอนอะไรเราในการดำเนินธุรกิจและการลงทุน

ช่วยแชร์ต่อนะครับ

หลังจากที่สหรัฐประกาศมาตรการฉุกเฉิน ความมั่นคงสหรัฐเพื่อป้องกันระบบเครือข่ายและเทคโนโลยี แต่ทางบริษัท Huawei ได้ตอบกลับมาว่า มาตรการฉุกเฉินของสหรัฐเองไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากมายกับบริษัทเลย ทำให้ล่าสุดบริษัท Google ได้ตอบรับมาตรการของรัฐบาลประเทศตัวเอง โดยการที่ Huawei จะถูกจำกัดการใช้งาน ระบบ Android ของ Google ทำให้ไม่สามารถใช้ระบบปฏิบัติการได้อย่างเต็มที่แบบเช่นที่ผ่านมา ทำให้ส่งผลกระทบค่อนข้างมากต่อบริษัท Huawei ในการอัพเดทโปรแกรมต่างๆ ของระบบ Android และด้านวามเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเรื่องของความปลอดภัย เพราะในระบบความปลอดภัยก็จะถูกจำกัดด้วย

นอกจากระบบ Android ของโทรศัพท์มือถือแล้ว ในระบบ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเองบริษัท Huawei ก็ต้องพึ่งพากับระบบปฏิบัติการ Windows ถึงแม้ทาง Microsoft เองยังไม่ได้ออกมาตรการอะไรกับ Huawei แต่บริษัท Microsoft ก็เป็นบริษัทสัญชาติ อเมริกา จำเป็นต้องทำตามมาตรการฉุกเฉินที่ทางรัฐบาลได้ออกมา

ธุรกิจที่ต้องพึ่งพาคนอื่นมักมีความเสี่ยง (Bargaining power of suppliers risks)

Bargaining power of suppliers risks หรือความเสี่ยงจากการดำเนินธุรกิจจากการที่ Suppliers ทีผลกระทบต่อเรามาก เราไม่สามารถต่อรองกับทาง Suppliers ได้ว่าเราขอลดราคาหรือทำอะไรได้ ถ้าหากขาด Suppliers เจ้านี้ไปก็อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างมาก

การดำเนินธุรกิจต่างๆนั้น การที่เราต้องพึ่งพาคนอื่นนั้นไม่ใช่เรื่องแย่อะไร แต่การที่เราไปพึ่งพาธุรกิจจนกระทั่งถ้าขาดการช่วยเหลือแล้วการดำเนินธุรกิจของเราจะขัดข้องหรือหยุดดำเนินการได้

จะเห็นได้ว่า Huawei มีการพึ่งพาระบบ Android ซึ่งระบบที่ Google และหลังจากที่บริษัท Google ได้ทำตามที่รัฐบาลสหรัฐออกคำสั่ง แล้ว Huawei ก็สูญเสียความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั่วโลกทันที ต่างจากอีกบริษัทคือ Apple ที่มีระบบปฏิบัติการ IOS ที่ทาง Apple เป็นคนพัฒนาเอง

พอถึงตอนนี้แล้วผมนึกถึงตอนที่ Warren Buffett นักลงทุนหุ้นอันดับ1 ของ โลกตอนนี้ ตัดสินใจซื้อหุ้น Apple จำนวนมาก ในขณะที่ Apple ค่อยๆสูญเสีย Market share ธุรกิจ มือถือไปเรื่อยๆให้กับทางบริษัทอื่น Warren Buffett อาจจะเห็นความแข็งแกร่งตรงนี้ก็ได้

สรุปแล้ว การที่เราทำธุรกิจเองก็ดีหรือเป็นนักลงทุนหุ้นก็ดี ควรให้ความใส่ใจความเสี่ยงที่ Suppliers มีความได้เปรียบในการต่อรองกับธุรกิจเรา ถ้าเป็นนักลงทุนควรหลีกเลี่ยงหุ้นที่มีความเสี่ยงนี้ แต่สำหรับนักธุรกิจแล้วถ้าเรากิจการเรามีความเสี่ยงนี้เราก็ควรลดความเสี่ยงนี้ลง อาจจะกระจายการจัดซื้อวัตถุดิบให้มากขึ้นครับ