อ่านสภาวะตลาดด้วยทฤษฎี Elliott Wave แบบง่าย ๆ
ทฤษฎี Elliott Wave ถูกคิดค้นพัฒนาโดยนักบัญชีชื่อ Ralph Nelson Elliott ในช่วงปี 30 ซึ่งกลายเป็นชื่อทฤษฎี Elliott Wave จากชื่อเขาเลย สำหรับซึ่งเกิดจากการที่เขาสังเกตุลักษณะการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นเขามองเป็นลักษณะของรูปคลื่น ซึ่งเกืดจากพฤติกรรมการซื้อขายของฝูงชน
Ralph Nelson Elliott ได้มีการเผยแพร่ทฤษฎีของเขาลงในหนังสือ The Wave Principle ในปี 1983 และได้มีการรวบรวมเนื้อหาเป็นบทความลงใน Financial World magazine

ทฤษฎี Elliott Wave ทำงานยังไง?
หลักการ Elliott Wave สะท้อนการเคลื่อนไหวของฝูงชนในตลาดโดยสะท้อนระหว่างคนที่มองตลาดในแง่บวกและมองตลาดในแง่ลบและได้สะท้อนมาเป็นรูแบบของกราฟราคา โดยแบ่งออกเป็น 5ระดับคลื่น 1 – 5 สำหรับคลื่นหลักจะแบ่งเป็นคลื่น 1 3 และ 5 ส่วนคลื่น 2 และ 4 จะเป็นคลื่นย่อตัว คลื่น 2 เป็นคลื่นย่อตัวของคลื่น 1 สำหรับ คลื่น 4 เป็นคลื่นย่อตัวของคลื่น 3
3 ลักษณะสำคัญของ Elliott Wave
- คลื่นที่ 2 จะไม่ลงไปต่ำกว่า 100 เปอร์เซ็นของคลื่นที่ 1
- คลื่นที่ 3 จะไม่เป็นคลื่นที่สั้นที่สุดได้
- คลื่นที่ 4 จะไม่ลงไปถึงในระดับคลื่นที่ 1
คลื่นเล็กและคลื่นใหญ่
เราจะสังเกตุแล้ว ในการเคลื่อนไหวในตลาดในลักษณะของ Elliott Wave แล้วเราจะพบว่าในระหว่างคลื่น 1 3 และ 5 จะมีคลื่นย่อย คลื่น 1 2 3 4 และ 5 ในคลื่นใหญ่นั้น ซึ่งเราสามารถใช้ประโยชน์จากจุดนี้เพื่อหากำไรได้จากตลาดในการเทรดระยะสั้น สำหรับคลื่น 2 และ 4 จะมีลักษณะคลื่นย่อย A-B-C
ดังนั้นแนวโน้วใหญ่จะประกอบด้วย 5 คลื่นใหญ่ คือ คลื่น 1 2 3 4 และ 5
และคลื่นย่อย 3 คลื่น คือ A B และ C
ลักษณะคลื่นแต่ละแบบ
คลื่นที่ 1
คลื่นที่ 1 เป็นคลื่นที่สังเกตุยาก มีกนักลงทุนจำนวนน้อยเท่านั้นที่จะสังเกตุเห็นจุดเริ่มต้น เพราะตอนนั้นมีแต่ข่าวในแง่ลบ นักลงทุนไม่กล้าที่จะเข้าลงทุน นักวิเคราะห์มองภาวะการลงทุนในแง่ลบ แต่มีนักลงทุนบางกลุ่มเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างส่งผลให้เริ่มเข้ามาเก็บหุ้นหรือสินทรัพย์นั้นๆ ส่งผลให้ราคาสูงขึ้นและปริมาณการซื้อขายค่อยๆเพิ่มขึ้น
คลื่นที่ 2
ปกติคลื่นที่สองจะเป็นการย่อตัวจากคลื่นแรก มีการเทขายมาบ้างจากนักลงทุนที่เคยติดหุ้นหรือสินทรัพย์ตัวนี้อยู่ นักลงทุนส่วนใหญ่ยังมีความเชื่อว่าหุ้นหรือสินทรัพย์ตัวนี้แย่อยู่ แต่หุ้นไม่ยอมทำราคาจุดต่ำสุดใหม่แล้ว
คลื่นที่ 3
คลื่นที่ 3 เป็นคลื่นที่ยาวและมีความรุนแรงมาก ข่าวออกมาเป็นบวกมากยิ่งขึ้นประชาชนทั่วไปเริ่มเชื่อว่ามีการเปลี่ยนแปลงในแนวโน้มที่ดีขึ้น นักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรในทางที่ดีขึ้น แต่มีนักลงทุนบางส่วนไม่เชื่อสุดท้ายจะต้องพลาดโอกาสไป
คลื่นที่ 4
คลื่นที่ 4 เป็นคลื่นที่มีการย่อตัวจากคลื่นที่ 3 จังหวัดนี้เองนักลงทุนบางกลุ่มที่กำไรมาจากรอบต้นๆ อาจจะคิดว่าจบรอบแล้ว แต่นี่ไม่ใช่คลื่นสุดท้ายราคาเตรียมขึ้นกลับไปอีกรอบ
คลื่นที่ 5
คลื่นที่ 5 ทั้งตลาดมีแต่ข่าวดี ทุกคนเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีจำเป็นต้องเข้าลงทุนไม่อย่างนั้นจะพลาดการลงทุนไปอย่างน่าเสียดาย โดยไม่มีใครคาดคิดว่าจะเป็นการจบรอบของการขึ้นแล้ว
คลื่น A B และ C
คลื่น A B และ C คลื่นระยะการย่อ หากจบรอบขาขึ้น 5 คลื่นแล้ว ต้องมีคลื่น A B C เพื่อที่จะขึ้นไปอีกรอบ หากไม่มีคลื่น A B และ C ก็จะกลายเป็น 5 คลื่น แต่เป็นขาลงทนแทน ดังนั้นช่วงย่อตัวจากการจบคลื่น 5 เราต้องสังเกตุว่าเป็นคลื่น A B และ C หรือไม่ ถ้าเป็น A B และ C จะสามารถถือลงทุนได้ต่อเพิ่มเริ่ม คลื่น 1 ถึง 5 อีกรอบ