Category: Uncategorized

Ray_Dalio

มาทำความรู้จักกับนักลงทุนเชิงรุก (Aggressive Investor) กันเถอะ

นักลงทุนเชิงรุก (Aggressive Investor) ต้องการเพิ่มผลตอบแทนสูงสุดโดยรับความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูง เป็นผลให้นักลงทุนเชิงรุกมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มทุนแทนการสร้างกระแสรายได้หรือความปลอดภัยทางการเงิน ดังนั้นพอร์ตโฟลิโอที่ใช้โมเดลนี้จะมีน้ำหนักของหุ้นและตราสารทุนที่สูงกว่า ในขณะเดียวกัน พอร์ตการลงทุนขั้นต่ำอาจมีพันธบัตร เงินสด หรือสินทรัพย์ถาวรอื่นๆ

โดยปกติ นักลงทุนเชิงรุก  (Aggressive Investor) มักจะทำงานกับกรอบเวลาที่ยาวนานกว่าและยอมรับความเสี่ยงในระดับสูง ตัวอย่างเช่น นักลงทุนรุ่นเยาว์ที่มีพอร์ตการลงทุนขนาดเล็กและมีเวลาอันไกลโพ้น มักจะเป็นนักลงทุนเชิงรุก ระยะเวลาที่ยาวนานขึ้นช่วยให้พอร์ตสามารถฟื้นตัวจากความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นภายในตลาด

ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินมักไม่แนะนำให้ลงทุนเชิงรุกเพื่ออะไรก็ตามแต่เพียงส่วนเล็ก ๆ ของไข่ที่ทำรัง แต่โดยไม่คำนึงถึงอายุของนักลงทุน ความเสี่ยงที่ยอมรับได้จะเป็นตัวกำหนดว่าพวกเขาจะกลายเป็นนักลงทุนเชิงรุก

มีหลายวิธีในการติดตามกลยุทธ์การลงทุนเชิงรุก ด้านล่างนี้คือกลยุทธ์ 5 ประการที่นักลงทุนส่วนใหญ่สามารถใช้ได้ โดยพิจารณาจากรายได้และความซับซ้อน

หุ้นขนาดเล็ก

หุ้นขนาดเล็กมีศักยภาพในการแข็งค่าของเงินทุนที่สูงมาก ราคาสามารถทบต้นได้มากกว่าราคาเดิมสองเท่าหากธุรกิจประสบความสำเร็จและประสบความสำเร็จในการเติบโตของรายได้และผลกำไรที่แข็งแกร่ง

ความเสี่ยงของหุ้นขนาดเล็กคืออาจสูญเสียการลงทุนทั้งหมดหากธุรกิจล้มเหลว บางครั้งธุรกิจอาจเป็นการฉ้อโกงโดยสิ้นเชิง ซึ่งเป็นเรื่องปกติในหุ้นขนาดเล็ก เนื่องจากบริษัทขนาดเล็กไม่มีการตรวจสอบสถานะอย่างถี่ถ้วนเพียงพอ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องศึกษาข้อมูลบริษัทอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน

การลงทุนในตลาดเกิดใหม่

ตลาดเกิดใหม่กำลังเติบโตทางเศรษฐกิจโดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเอเชียและบางส่วนของยุโรปตะวันออก ประเทศเหล่านี้มีศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง โดยเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา การลงทุนในตลาดเกิดใหม่สามารถรวมกันได้อย่างรวดเร็วเมื่อเศรษฐกิจเติบโตขึ้น และเป็นหนึ่งในวิธีที่แข็งแกร่งที่สุดในการขยายการลงทุน

ตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูงเป็นแหล่งผลตอบแทนที่เป็นที่นิยมสำหรับนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นในขณะที่สร้างกระแสเงินสดเป็นประจำ ตราสารหนี้มักจะเป็นตราสารหนี้คูปองสูงที่มีอันดับเครดิตต่ำกว่าระดับการลงทุนหรือที่เรียกว่าเกรดเก็งกำไรหรือตราสารหนี้ขยะ

ความเสี่ยงกับตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูงก็เหมือนหุ้นขนาดเล็ก ดังนั้น บริษัทที่ออกหลักทรัพย์ควรได้รับการวิจัยอย่างดีเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาด้านสภาพคล่องและการชำระหนี้

ออปชั่นสามารถใช้เพื่อป้องกันหรือเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาหลักทรัพย์ เป็นหลักทรัพย์ที่ไม่เป็นเชิงเส้นและสามารถให้แหล่งรายได้คงที่ในช่วงเวลาที่มีความผันผวนต่ำหรือสร้างผลตอบแทนมหาศาลระหว่างการเคลื่อนไหวของตลาดขนาดใหญ่

กลยุทธ์ทั่วไปในการขายออปชั่นเพื่อเก็บเบี้ยประกันภัย หากตลาดไม่ผันผวนมากนัก กลยุทธ์ดังกล่าวสามารถให้ผลตอบแทนสูง แต่นักลงทุนอาจสูญเสียมากกว่าที่พวกเขาทำเมื่อเวลาผ่านไปในการเคลื่อนไหวตลาดครั้งเดียวที่ขัดต่อตำแหน่งของนักลงทุน

ลักษณะ Flat Yield Curve ของ Bond yield curve

Bond yield curve ในลักษณะของ Flat yield curve คือการที่อัตราดอกเบี้ยในตราสารหนี้ระยะสั้นจะมีผลตอบแทนพอ ๆกับตราสารหนี้ระยะยาว จะไม่ได้สะท้อนโดยตรงว่าเศรษฐกิจหรืออัตราดอกเบี้ยจะไปในทิศทางไหน แต่จะสะท้อนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงของ Bond yield curve ก่อนที่จะเกิด Flat yield curve มีลักษณะแบบไหน ก่อนที่จะเปลี่ยนรูปร้างเป็นแบบอื่น ๆ

อ่านบทความ:เจาะลึกเรื่อง Bond yield curve แบบเข้าใจง่ายที่สุด

ลักษณะ Inverted curve ใน Bond yield curve

ฺBond yield curve แสดงถึงความรู้สึกของนักลงทุนที่เกี่ยวกับตราสารหนี้ว่ามีความเสี่ยงแค่ไหนที่จะกระทบกับผลตอบแทนจากจากลงทุน นอกจากนั้นคนที่เชี่ยวชาญการดู Bond yield curve ยังสามารถตีความเพื่อที่จะสามารถวัดทิศทางว่าเศรษฐจะไปในทิศทางไหนผ่าน Bond yield curve ได้

Bond yield curve ในลักษณะInverted curve จะมักลักษณะตรงข้ามจากแบบปกติ คือจะมีการให้ผลตอบแทนตราสารหนี้ระยาวน้อยกว่าตราสารหนี้ระยะสั้น แสดงถึงแนวโน้มดอกเบี้ยในอนาคตมีแนวโน้มต่ำลง ทำให้นักลงทุนพยายามลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวเพื่อที่จะคงผลตอบแทนไว้ไม่ให้ลดลงในอนาคต ปกติแล้ว Inverted Curve จะเกิดในสภาะวเศรษฐกิจกำลังจะถดถอย

อ่านบทความ:เจาะลึกเรื่อง Bond yield curve แบบเข้าใจง่ายที่สุด

error: Content is protected !!