bid และ ask คืออะไร

ช่วยแชร์ต่อนะครับ

 คำว่า “bid และ ask” (เรียกอีกอย่างว่า “bid และ offer”) หมายถึงการเสนอราคาแบบสองทางที่ระบุราคาที่เป็นไปได้ดีที่สุดที่สามารถขายและซื้อหลักทรัพย์ได้ ณ เวลาที่กำหนด ราคาเสนอซื้อ (bid) เป็นราคาสูงสุดที่ผู้ซื้อยินดีจ่ายสำหรับหุ้นหรือหลักทรัพย์อื่นๆ ราคาเสนอขาย (ask) คือราคาขั้นต่ำที่ผู้ขายยินดีรับสำหรับหลักทรัพย์เดียวกันนั้น การค้าหรือการทำธุรกรรมเกิดขึ้นเมื่อผู้ซื้อในตลาดเต็มใจที่จะจ่ายข้อเสนอที่ดีที่สุดที่มีอยู่—หรือเต็มใจที่จะขายในราคาเสนอสูงสุด

ความแตกต่างระหว่างราคา bid และราคา ask หรือสเปรดเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญของสภาพคล่องของสินทรัพย์ โดยทั่วไป ยิ่งสเปรดน้อยเท่าไหร่ สภาพคล่องก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น

Bid and ask เป็นแนวคิดที่สำคัญมากที่นักลงทุนรายย่อยจำนวนมากมองข้ามเมื่อทำธุรกรรม สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าราคาหุ้นปัจจุบันคือราคาของการซื้อขายครั้งสุดท้าย – ราคาในอดีต ในทางกลับกัน ราคาเสนอซื้อ (bid) และเสนอขาย (ask)  คือราคาที่ผู้ซื้อและผู้ขายยินดีซื้อขาย โดยพื้นฐานแล้วการเสนอราคาหมายถึงอุปสงค์ในขณะที่การถามหมายถึงอุปทานของการรักษาความปลอดภัย

ตัวอย่างเช่น หากราคาเสนอหุ้นปัจจุบันรวมราคาเสนอที่ 13 ดอลลาร์และขอราคา 13.20 ดอลลาร์ นักลงทุนที่ต้องการซื้อหุ้นจะจ่าย 13.20 ดอลลาร์ นักลงทุนที่ต้องการขายหุ้นจะขายที่ 13 ดอลลาร์

ความแตกต่างระหว่างราคาเสนอซื้อ (bid) และราคาเสนอขาย (ask) จะเรียกว่าส่วนต่างราคาเสนอซื้อ ส่วนต่างราคาเสนอซื้อเป็นประโยชน์ต่อผู้ดูแลสภาพคล่องและแสดงถึงผลกำไรของผู้ดูแลสภาพคล่อง เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาเมื่อซื้อขายหลักทรัพย์ เนื่องจากเป็นต้นทุนที่ซ่อนอยู่ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างการซื้อขาย

ตัวอย่างเช่น หากหลักทรัพย์ได้รับ bid 10 ดอลลาร์และ ask 11 ดอลลาร์ นักลงทุนคาดว่าจะสูญเสีย 1 ดอลลาร์หรือ 9% ของการลงทุนหากพวกเขาซื้อในราคาเสนอที่ 11 ดอลลาร์ จากนั้นเปลี่ยนใจและขายทันที ราคา 10 เหรียญ

เมื่อหลักทรัพย์มีการซื้อขายสูง สเปรดจะต่ำ ในทางกลับกัน เมื่อหลักทรัพย์แทบไม่มีการแลกเปลี่ยน (ขาดสภาพคล่อง) สเปรดจะมีขนาดใหญ่ขึ้น