เด็กท้องเสียอย่าชะล่าใจ ให้ระวังโนโรไวรัส (Norovirus)
ในบ่อยครั้งเราจะพบว่าอากรติดเชื้อท้องเสียนั้นพบได้ในเด็กอายุน้อยตลอดทั่วทั้งปี ในหลายๆครั้งพ่อแม่ผู้ปกครองคิดว่าบุตรหลานได้รับเชื้อทำให้ท้องเสียจากแบคทีเรีย แต่ความจริงแล้วอาจจะไม่ใช่ สิ่งที่ทำให้ท้องเสียอาจจะเป็นโวรัสที่ชื่อว่า โนโรไวรัส (Norovirus) ที่ส่งผลทำให้เด็กอายุน้อยท้องเสียได้ โอยพบว่าจะมีอาการอาเจียน คลื่นไส้ ท้องเสีย มีความเสี่ยงที่จะอาการหนักและอาจจะหนักถึงขั้นเสียชีวิตได้สำหรับเด็กอายุน้อยที่มีภูมิคุ้มกันที่ต่ำ การทราบสาเหตุเพื่อหาท้องดูแลรักษาเมื่อเกิดอาการ และการป้องกันไม่ให้เกิดโรค โนโรไวรัส (Norovirus) จึงมีความสำคัญอย่างมาก
การอักเสบในระบบทางเดินอาหาร อาจจะเกิดจากโนโรไวรัส (Norovirus) ถึงแม้จะได้รับเชื้อจำนวนเล็กน้อยก็สามารถทำให้แพร่กระจายระบาดได้อย่างรวดเร็ว ง่าย ๆ โดยเชื้อโนโรไวรัส (Norovirus)มีความสามารถในการอยู่รอดจากน้ำยาฆ่าเชื้อ แม้แต่ความร้อนก็ไม่อาจทำให้เชื้อตายได้ง่าย ๆ ดังนั้นมีโอกาสสูงมากที่เชื้อจะเข้าไปอยู่ในเครื่องดื่มหรืออาหารและเข้าสู่ร่างกาย ทำให้เกิดลำไส้อักเสบและโรคกระเพาะอาหาร มีระยะฟักตัวไม่นาน จำนวน 14 ถึง 48 ชั่วโมงหลักจากเข้าร่างกายไปแล้ว สามารถเป็นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยมีอาการ ปวดเมื่อยตามร่างกาย คลื่นไส้ ปวดท้อง อาเจียน อุจจาระเหลวเป็นน้ำ อ่อนเพลีย เป็นไข้ต่ำๆ
สำหรับการตรวจโรคเพื่อวินิจฉัยโรคที่เกิดจากการติดเชื้อโนโรไวรัส (Norovirus) จะทำโดยการส่งตัวอย่างอุจจาระเข้าไปในห้องปฏิบัติการตรวจพิเศษ หากพบว่าเป็นโนโรไวรัส (Norovirus) แพทย์จะได้ได้ทำการรักษา โดยจะเน้นการรักษาตามอาการเป็นหลัก พบว่าเด็กเล็กจะหายเองได้ภายใน 2 ถึง 3 วันสำหรับเด็กที่มีภูมิต้านทานที่ดี การรักษาตามอาการจะแนะนำให้รับประทานอาหารที่ไม่จัด อ่อนๆ หากมีอาการปวดท้อง หรืออาเจียนก็สามารถให้ยาแก้อาเจียน หรือยาแก้ปวดท้องได้ หากผู้ปกครองรู้ว่าบุตรหลานมีภูมิต้านทานต่ำ ส่งผลให้มีอาการรุนแรง จะต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด อาจเกิดความดันต่ำ ช็อก เสียชีวิตได้ ต้องนำส่งโรงพยาบาลโดยทันที สำหรับในตอนนี้ยังไม่มียารักษาเชื้อโนโรไวรัส (Norovirus) โดยเฉพาะ สิ่งสำคัญคือ ผู้ปกครอง ครู ผู้ดูแลเด็กต้องหมั่นดูแลป้องกันไม่ให้เด็กได้รับเชื้อโนโรไวรัส (Norovirus)
การป้องกันการติดเชื้อโนโรไวรัส (Norovirus) แนะนำให้ล้างมือด้วยน้ำสะอาดและสบู่ก่อนทานอาหาร ทานอาหารปรุงสุกถูกสุขอนามัย หลีกเลี่ยงการทานอาหารดิบ ผักผลไม้จะต้องล้างให้สะอาดเสียก่อน ดื่มน้ำที่สะอาดผ่านมาตรฐาน ใช้ช้อนกลางเมื่อรวมทานข้าวกับคนอื่น
การป้องกันมักดีกว่าการไขเสมอ เราควรที่จะปกป้องบุตรหลานของท่านจากการที่จะต้องติดเชื้อโนโรไวรัส (Norovirus) แต่หากเกิดบุตรหลานท่านติดโนโรไวรัส (Norovirus) ขึ้นมาก็ไม่ต้องกังวลเราสามารถรักษาให้หายได้