ทำธุรกิจและลงทุนตามหลักการของเทพเจ้าการค้าจีน เถาจูกง

ช่วยแชร์ต่อนะครับ

ในยุคชุนชิวมีขุนนางท่านหนึ่งชื่อว่า ฟ่านหลี่ รับใช้อ๋องโกวเจี้ยน สามารถพลิกฟื้นจากแคว้นที่ยากจนเป็นแคว้นมหาอำนาจได้ เมื่อแคว้นประสบความสำเร็จแล้ว ฟ่านฟลี่ได้ทำการลาออกจากราชการแล้วย้ายไปอยู่แคว้นฉี ทำเกษตรกรรมกับครอบครัวและทำการค้าเกลือด้วยและประสบความสำเร็จด้วยดี พอเจ้าแคว้นฉีทราบว่าฟ่านหลี่อาศัยอยู่ในแคว้นของตนเอง เจ้าแคว้นฉีเลยพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมฟ่านหลี่ไปเป็นขุนนางรับใช้ ทำให้ฟ่านหลี่ได้ย้ายที่อยู่ไปที่อื่นจนมาอยู่ที่ ติ้งเถา และได้เปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น เถาจูกง และได้ประสบความสำเร็จในการค้าอย่างมากในจีน ว่ากันว่าเขาศัพท์สมบัติมากกว่าเจ้าแคว้นเสียอีก เถาจูกงได้เขียนตำราออกมาเป็นหลัก 18 ประการ และได้มีคนดัดแปลงออกมาเป็นหลักการออกมาเพื่อนำไปปฏิบัติง่ายขึ้นเป็นหลักการที่ควรปฏิบัติ 12 ประการ และหลักการที่ไม่ควรปฏิบัติ 12 ประการ

หลักที่ควรปฏิบัติ

1. ต้องมีทักษะรู้นิสัยใจคอของคน

กิจการที่ทำนั้นเราต้องมีพนักงาน ผู้ช่วย และหุ้นส่วนในการประกอบธุรกิจ เราต้องรู้จักนิสัยใจคอของคนรอบข้างเรา เพื่อป้องกันความเสียหายกับธุรกิจจากเรื่องของความประมาทเลิ่นเล่อ ฉ้อโกง ความเกียจคร้าน

2. อย่ามีอคติกับลูกค้า

ลูกค้าทุกคนนั้น มีส่วนสำคัญอย่างมากในการดำเนินธุรกิจ การที่เรามีอคติกับลูกค้านั้นทำให้เราเสียโอกาสในการทำกำไร

3. ต้องมีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจ

การทำธุรกิจนั้น เราจะต้องมีทักษะ ความรู้ความเข้าใจในการดำเนินธุรกิจการที่เราจับฉ่ายไม่เน้นการลงทุนด้านไหน คุณก็จะเสียเปรียบคู่แข่งในการทำธุรกิจ

4. จัดสินค้าให้เป็นระเบียบเรียบร้อยทำให้ดึงดูดความสนใจลูกค้า

การจัดสินค้าให้เป็นระเบียบเรียบร้อยนั้น เราทำเพื่อสร้างความสะดวกสบายให้ลูกค้า และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า

5. รู้จักประยุกต์และตัดสินใจในทางธุรกิจอย่างรวดเร็ว

ทักษะของนักธุรกิจที่ดีนั้นต้องไขว่าคว้าหาโอกาส ไม่ปล่อยโอกาสผ่านไปง่ายๆนั้นไม่สมควรที่จะทำ การตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ไม่ยึดติดอะไรมากรู้จักประยุกต์ใช้จะนำมาซึ่งกำไร

6. พยายามให้ลูกค้าจ่ายเงินสด

การให้เงินเชื่อกับลูกค้านั้นอาจจะให้ได้บ้าง แต่ทางที่ดีกว่าถ้าเราได้รับเป็นเงินสด เพราะการให้เป็นเงินเชื่อนั้นมาพร้อมซึ่งความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับชำระเงิน และการที่เราได้เงินสดมาเราสามารถนำเงินไปต่อยอดได้เลยทันที

7. ใช้คนให้ถูกกับงาน

คนแต่ล่ะคนมีความแตกต่างกัน เราต้องให้หน้าที่ที่เหมาะสมกับงานเพื่อให้คุ้มกับค่าจ้างและผลกำไรของเรา

8. นำเสนอสินค้าให้น่าสนใจ ให้ลูกค้ารู้คุณค่าของสินค้า

การนำเสนอที่ดีจะทำให้เราขายสินค้าได้จำนวนมาขึ้นและราคาสูงขึ้นนั่นเอง ถ้าสินค้าเราดีจริงเราต้องกล้านำเสนอ

9. เลือกสินค้านำมาขายด้วยความชาญฉลาด

การเลือกสินค้าต้องเลือกด้วยความรอบคอบ การเลือกสินค้าที่ดีจำทำให้ยอดขายสูงขึ้น

10. วิเคราะห์ความเสี่ยงและโอกาสให้ออก

บางครั้งความเสี่ยงและโอกาสมักมาพร้อมๆกันแต่เราต้องแยกยะให้ออกว่า เมื่อเทียบความเสี่ยงกับผลตอบแทนน่าจะลงทุนลงแรง ลงเงินรึเปล่า

11. ทำตัวให้เป็นแบบอย่าง มีความน่าเชื่อถือ มีกฎระเบียบในการทำงาน

การที่เราจะมีระบบการทำงานที่ดีนั้น เราต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่างให้ลูกน้องเราทำตามได้ ถ้าเราทำตัวอย่างที่ไม่ดีแล้ว ลูกน้องทำตามจะเกิดวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ดีด้วย

12. มองโอกาสธุรกิจอย่างลึกซึ้งและกว้างไกล รู้จักวงจรธุรกิจอย่างดี

ธุรกิจมีการขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราสามารถจับจังหวะได้จะทำให้การทำธุรกิจและการลงทุนเรามีประสิทธิภาพเช่น ถ้ามองว่าเศรษฐกิจจะดีเราก็สามารถขยายสาขาได้ ถ้ามองว่าเศรษฐกิจกำลังจะแย่อาจจะถือเงินสดเยอะขึ้นได้

หลัก 12 อย่างที่ควรหลีกเลี่ยง

1. อย่าขี้เหนียว รู้จักช่วยเหลือสังคม

การช่วยเหลือสังคมนั้นจะทำให้ธุรกิจเราดีขึ้นโดยการที่สังคมมีความเชื่อถือในบริษัทเรามากขึ้น ในโลกธุรกิจสมัยใหม่เรียกว่าการทำ CSR นั่นเอง

2. ห้ามลังเล โอกาสและเวลาเป็นสิ่งสำคัญ

เวลาและโอกาสเป็นสิ่งสำคัญถ้ามันผ่านไปแล้วเราไม่สามารถเรียกคืนกลับมาได้ เราต้องพยายามใช้ทุกโอกาสในการพัฒนาต่อยอดการทำธุรกิจของเรา

3. อย่าหน้าใหญ่ ไม่ควรจ่ายเงินฟุ่มเฟือย

หลายๆคนพบว่าต้องการแสดงออกมาว่าเรามีฐานะทำให้นำเงินไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เมื่อในยามธุรกิจมีปัญหาก็จะขาดเงิน และเมื่อโอกาสที่จะลงทุนเข้ามาก็ไม่มีเงินไปลงทุนได้

4. ห้ามคดโกง ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินธุรกิจ

การทำการค้าแบบคดโกงนั้นย่อมส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือของเราผลประโยชน์ระยะสั้นจากการคดโกงไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับผลประโยชน์ของความน่าเชื่อถือในการดำเนินธุรกิจอย่างซื่อตรง

5. อย่าเก็บหนี้ช้า

หนี้สินที่เราเรียกเก็บจากลูกค้าเมื่อเราปล่อยสินค้าแบบเงินเชื่อได้ไวเท่าไหร่ ก็เท่ากับเราสามารถบริหารจัดการเงินที่ได้ตรงนั้นได้มากขึ้น กลับกันถ้าเราไม่ยอมเก็บหนี้ให้ไวความเสี่ยงกับธุรกิจเราจะมากขึ้นเพราะเราขาดสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ

6. อย่าเล่นสงครามราคา

สงครามราคามีแต่ส่งผลเสียต่อทุกคนในธุรกิจ เราควรชูจุดเด่นสินค้าของเรามากกว่าที่จะเล่นสงครามราคาครับ

7.อย่าทำตามคนอื่น

การที่เรามัวแต่ทำตามคนอื่นนั้นส่วนใหญ่จะเห็นทำตามกระแส พอกระแสหมดส่วนใหญ่ก็จะออกมาแย่ เช่น ช่วงก่อนจะมีกระแสเฟอร์บี้ ถ้าเรามัวแต่ไปทำธุรกิจนำสินค้าเฟอร์บี้เข้ามาขายจำนวนมากแล้ว อาจทำให้สินค้าข้างสต็อคจำนวนมากได้

8. อย่าสวนกระแสธุรกิจ

ธุรกิจหลายๆอย่างกำลังจะจบสิ้นไป เราไม่ควรที่จะสวนกระแส ยกตัวอย่างบริษัทโกดักผู้ผลิตเกี่ยวกับกล้องและฟิล์มรายใหญ่ของโลกพอเจอการเปลี่ยนแปลงกล้องดิจิตอลเข้ามาแทนที่ แต่บริษัทก็ยังส่วนกระแสธุรกิจยังคงผลิตกล้องฟิล์มต่อไป ทำให้สุดท้ายบริษัทล้มละลาย

9. อย่ายึดติด เปิดรับสิ่งใหม่ๆในการดำเนินธุรกิจ

โลกเรามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ในธุรกิจเช่นกันเราควรที่จะปรับไปตามโลก นอกจากนี้ถ้าเราเปลี่ยนแปลงได้ก่อนคู่แข่งเรา เราก็มีโอกาสที่จะสามารถขยายส่วนแบ่งการตลาดได้มากกว่า

10. อย่ามีใช้เงินเชื่อมากเกินไป

การที่เราใช้เงินเชื่อมากเกินไปในการดำเนินธุรกิจนั้นจะส่งผลเสียต่อเรามากถ้าเราไม่สามารถชำระหนี้ได้ ถึงแม้เราจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้มากขึ้นแต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงที่มากขึ้น

11. อย่าเก็บเงินสำรองน้อยเกินไป

การเก็บเงินทุนสำรองเราเก็บเพื่อป้องกันความเสี่ยงถ้าเราไม่มีเงินทุนสำรองเวลาที่ธุรกิจผิดพลาดต้องใช้เงินแก้ไขปัญหาก็จะทำได้ยาก และเงินทุนสำรองสามารถใช้เมื่อมีโอกาสในการดำเนินธุรกิจเข้ามา

12. อย่าซื้อสินค้าโดยไม่ตรวจสอบ

การซื้อสินค้าเพื่อนำมาขายนั้นเราต้องตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ถึงแม้จะสั่งซื้อจากแหล่งน่าเชื่อถือเพราะถ้าสินค้าไม่ดีแล้วนำไปขายให้ลูกค้า จะส่งผลเสียต่อเราอย่างมาก

ผู้อ่านสามารถนำความรู้ของหลักการของเถาจูกงตรงนี้ไปปรับใช้ได้นะครับ เพราะหลักการต่างๆนี่ยังคงสามารถนำมาใช้ได้ในปัจจุบัน ทำให้เกิดเศรษฐีจีนแล้วทั่วโลก