เจาะลึกส่วนลดตราสารหนี้

ช่วยแชร์ต่อนะครับ

การเพิ่มส่วนลดคือการเพิ่มมูลค่าของตราสารหนี้ที่มีส่วนลดตามกาลเวลาและวันครบกำหนดใกล้เข้ามา มูลค่าของตราสารหนี้จะเพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยที่บอกเป็นนัยด้วยราคาที่ออกโดยส่วนลด มูลค่า ณ เวลาที่ครบกำหนดและระยะเวลาครบกำหนด การเพิ่มส่วนลดจะใช้ในการปรับมูลค่าตามบัญชีของพันธบัตรเป็นมูลค่าที่ตราไว้ของพันธบัตรเมื่อครบกำหนดไถ่ถอน โดยพิจารณาจากดอกเบี้ยที่จ่ายออกโดยพันธบัตรซึ่งเกิดขึ้นในรูปแบบของการจ่ายที่มิใช่เงินสด โดยปกติจะเกิดขึ้นในช่วงอายุของพันธบัตรซึ่งจะชำระเมื่อครบกำหนดเท่านั้น โปรดทราบว่าสามารถซื้อพันธบัตรได้ในอัตราที่ตราไว้ ในอัตราพิเศษ(แพง) หรือในอัตราลด(ถูก) โดยไม่คำนึงถึงราคาซื้อพันธบัตร พันธบัตรทั้งหมดจะครบกำหนดตามมูลค่าที่ตราไว้ มูลค่าที่ตราไว้ในกรณีนี้หมายถึงจำนวนเงินที่ผู้ถือหุ้นกู้จะได้รับเมื่อพันธบัตรครบกำหนด นอกจากนี้ พันธบัตรที่ซื้อในอัตราพิเศษ มูลค่ามักจะสูงกว่าพาร์ อย่างไรก็ตาม เมื่อพันธบัตรใกล้ครบกำหนด มูลค่าของพันธบัตรจะลดลงจนกว่าจะถึงมูลค่าที่ตราไว้ ณ วันที่ครบกำหนด

พันธบัตรสามารถซื้อได้ในราคาพาร์ พรีเมี่ยม หรือลดราคา โดยไม่คำนึงถึงราคาซื้อของพันธบัตร อย่างไรก็ตาม พันธบัตรทั้งหมดจะครบกำหนดตามมูลค่าที่ตราไว้ มูลค่าที่ตราไว้คือจำนวนเงินที่ผู้ลงทุนตราสารหนี้จะได้รับการชำระคืนเมื่อครบกำหนด พันธบัตรที่ซื้อด้วยเบี้ยประกันภัยมีมูลค่าสูงกว่าพาร์ เมื่อพันธบัตรใกล้จะครบกำหนด มูลค่าของพันธบัตรจะลดลงจนกว่าจะถึงมูลค่าที่ตราไว้ ณ วันครบกำหนดไถ่ถอน มูลค่าที่ลดลงเมื่อเวลาผ่านไปเรียกว่าค่าตัดจำหน่ายเบี้ยประกันภัย

พันธบัตรที่ออกโดยมีส่วนลดมีมูลค่าที่น้อยกว่ามูลค่าที่ตราไว้ เมื่อพันธบัตรใกล้ถึงวันที่ไถ่ถอน มูลค่าจะเพิ่มขึ้นจนกว่าจะถึงมูลค่าที่ตราไว้เมื่อครบกำหนดไถ่ถอน มูลค่าที่เพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปนี้เรียกว่าการเพิ่มส่วนลด ตัวอย่างเช่น พันธบัตรอายุ 5 ปีที่มีมูลค่าหน้าบัตร 10,000 บาทจะออกขายให้นักลงทุนที่ 9,750 บาทระหว่างการออกและครบกำหนด มูลค่าของพันธบัตรจะเพิ่มขึ้นจนกว่าจะถึงมูลค่าที่ตราไว้เต็ม 10,000 บาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่จะจ่ายให้กับผู้ถือพันธบัตรเมื่อครบกำหนด ดังนั้นนักลงทุนจะได้กำไร 250 บาทจากการลงทุนครั้งนี้