อ่านบทความนี้ซะก่อนที่จะคิดหาคนกู้ร่วม
สำหรับการกู้ร่วมนั้นไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้องกันหรือไม่ ไม่สำคัญแต่สิ่งที่สำคัญก็คือผู้กู้ร่วมต้องมีภาระผ่อนต่อเดือนไม่เกิน 40 เปอร์เซ็นของรายได้นั่นเอง
ข้อดีที่สำคัญสำหรับการกู้ร่วมก็คือการทำให้ธนาคารมั่นใจว่ามีโอกาสที่ธนาคารจะถูกผิดชำระหนี้ต่ำลง ส่งผลให้ทางธนาคารกล้าที่จะอนุมัติวงเงินง่ายขึ้น ซึ่งวันนี้เราจะเข้ามาพูดคุยประเด็นนี้ให้กระจ่างเพื่อที่จะได้เข้าใจการหาคนกู้ร่วมได้
การที่มีสายสัมพันธ์ทางสายเลือดนั้นจะทำให้ทางธนาคารมีความมั่นใจมากขึ้น ในบางธนาคารอาจปฏิเสธหากไม่ได้เป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด และต้องมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่ใกล้ชิดกันด้วย อย่างที่ได้แน่ๆเลยก็คือคู่สมรส สามี ภรรยากันนั้นเอง ในบางธนาคารอาจจะไม่ต้องจดทะเบียนสมรสก็ได้แต่จะต้องแสดงให้เห็นว่าเป็นคู่สมรสกันจริงๆ โดยสามารถใช้เอกสารอื่นๆ แทน อย่างเช่น เอกสารรับรองบุตร เอกสารสูติบัตรของลูก
นอกจากนั้นที่ได้แน่ๆเลยก็คือ พ่อแม่ที่สามารถกู้ร่วมได้ แต่สำหรับพ่อแม่นั้นต้องมีปัจจัยอื่นที่ต้องพิจารณาก็คือเรื่องของอายุของพ่อแม่ของเรา หากอายุมากๆจะส่งผลต่อการพิจารณาการอนุมัติสินเชื่อได้
พี่น้องร่วมสายเลือดเองก็สามารถที่จะนำมาพิจารณาว่ามีความใกล้ชิดกัน สามารถพิจารณากู้ร่วมได้ง่ายยิ่งขึ้น ในยุคปัจจุบันยิ่งง่ายเลยเพราะจะพบว่า มีการเปลี่ยนนามสกุลของพี่น้องที่เป็นผู้หญิงน้อยลง เอกสารต่างๆก็ไม่ต้องมากมายเท่าไหร่แล้ว สามารถใช้ทะเบียนบ้านหรือสูติบัตรในการยืนยันความเป็นพี่น้องกันได้
อีกสิ่งที่เราต้องนำมาพิจารณาสำหรับการที่เราจะเลือกผู้กู้ร่วมก็คือภาระหนี้สินของผู้กู้ร่วม ถ้าหากผู้กู้ร่วมมีหนี้สินจำนวนมากจนธนาคารพิจารณาว่าไม่น่าจะผ่อนไหวแล้ว การกู้ร่วมแทบจะไม่มีประโยน์อะไรเลย สำหรับการพิจารณาการกู้ร่วมที่ดีต้องพิจารณราว่ามีภาระผ่อนไม่เกิน 40 เปอร์เซ็นของรายได้ อีกเรื่องก็คือการที่ผู้กู้ร่วมมีประวัติการผิดชำระหนี้บ้างหรือไม่ก็เป็นสิ่งสำคัญ ทางธนาคารสามารถเข้าไปเช็คได้ว่ามีการผิดชำระบ้างไหม
การกู้ร่วมกับญาติพี่น้องใช่ว่ายิ่งจำนวนคนยิ่งมากยิ่งดี ทางธนาคารก็มีข้อกำหนดเรื่องของจำนวนคนผู้กู้ร่วมด้วยไม่ควรเกินกี่คน เพราะถ้าหากผิดชำระหนี้แล้วการตามคนมาชำระจำนวนมากจะทำได้ยาก
มั่นใจว่าผ่อนหนี้บ้านไหว
แม้ว่าเราจะผ่านเกณฑ์การพิจารณาต่างๆของธนาคารจนสามารถอนุมัติเงินกู้ได้ แต่สิ่งที่สำคัญคือการที่เราต้องกลับมาทบทวนว่าเรามีศักยภาพในการผ่อนเงินแค่ไหน รวมทั้งผู้กู้ร่วมเราด้วย ไม่ใช่สักแต่ว่ากู้ให้ผ่านจนไม่สนใจว่าจะสามารถผ่อนชำระได้หรือไม่ เราต้องพิจารณาว่ารายได้เรามีความมั่นคงแค่ไหน มีโอกาสเสี่ยงที่จะสูญเสียรายได้ตรงนั้นหรือไม่ การกู้ร่วมถ้ารายได้ของผู้กู้ร่วมไม่ได้มีที่มาที่ไปชัดเจนยิ่งจะทำให้การกู้ร่วมยากยิ่งขึ้นไปอีก
การกู้ร่วมเป็นภาวะจำยอมชดใช้หนี้ร่วมกัน เรื่องกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจึงเป็นสิ่งสำคัญ ทางที่ดีผู้กู้ร่วมควรมีความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ด้วย หากเกิดปัญหากันเกิดขึ้นจะทำให้ผู้กู้ร่วมประสบปัญหารับภาระหนี้โดยที่ไม่ได้อะไร เกิดปัญหาการฟ้องร้องกันในอนาคตอีกด้วย