ผลประกอบการไตรมาส 1 2562 – LHFG (บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน))

ช่วยแชร์ต่อนะครับ

ผลการดำเนินงานทั้งกลุ่ม

กำไรสุทธิ

เพิ่มขึ้น จาก 771.1 ล้านบาท (ไตรมาสที่ 1 ปี 2561) มาที่ 806.7ล้านบาท (ไตรมาสที่ 1 ปี 2562) เพิ่มขึ้น 4.6 % เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส จากการได้รับเงินปันผลเพิ่มขึ้น 51.5% และ ลดการตั้งสำรองหนี้สินจะสูญ 69.7%

อย่าคลิกถ้าไม่อยากมีอิสรภาพการเงินด้วยหุ้นปันผล

กำไรก่อนหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญและค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้

ลดลง 16.8% ลดลงจาก 1,255.9 ล้านบาท (ไตรมาส 1 ปี 2561) มาที่ 1,045.3 ล้านบาท (ไตรมาส 1 ปี 2562)

รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ

ลดลง 4.3% จาก 1,209.7 ล้านบาท (ไตรมาส 1 ปี 2561) มาที่ 1,157.6 ล้านบาท (ไตรมาส 1 ปี 2562) ลดลง 4.3%

รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย

ลดลง 15.5% จาก 732.6 ล้านบาท (ไตรมาส 1 ปี 2561) มาที่ 619.1 ล้านบาท (ไตรมาส 1 ปี 2562)

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่น

เพิ่มขึ้น 6.6% จาก 686.4 ล้านบาท (ไตรมาส 1 ปี 2561) มาที่ 731.4 ล้านบาท (ไตรมาส 1 ปี 2562) เป็นการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน ที่เพิ่มจาก 360.6 ล้านบาท (ไตรมาส 1 ปี 2561) มาที่ 401.6 ล้านบาท (ไตรมาส 2 ปี2562)

ผลดำเนินงาน

กำไรสุทธิ

เพิ่มขึ้น 14.1% จาก 562.4 ล้านบาท (ไตรมาส1 ปี 2561) มาที่ 641.6 ล้านบาท (ไตรมาส 1 ปี 2562)

หนี้สูญ หนี้สงสัยจะสูญและขาดทุนจากการด้อยค่า

ตั้งสำรองลดลง 69.7 % จาก 100 ล้านบาท (ไตรมาส 1 ปี 261) มาที่ 100 ล้านบาท (ไตรมาส 1 ปี 2562)

เงินให้สินเชื่อ

บริษัทปล่อยสินเชื่อส่วนใหญ่ เป็นสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ มีสัดส่วนถึง 76.8% ของสินเชื่อทั้งหมด รองลงมาคือสินเชื่อรายย่อยที่ 12.7% ของมูลค่าสินเชื่อ สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ยู่ที่ 10.5% ของมูลค่าสินเชื่อ

สินเชื่อด้อยคุณภาพ

สินเชื่อด้อยคุณภาพ(GROSS) เพิ่มขึ้น5.9 % ( ณ 31 มีนาคม 2562เทียบกับ สิ้นปี 2561)

สินเชื่อด้อยคุณภาพ(NET) เพิ่มขึ้น 7.3% ( ณ 31 มีนาคม 2562เทียบกับ สิ้นปี 2561)

ค่าเพื่อหนี้สงสัยจะสูญ

เพิ่มขึ้น 2.1% (ณ 31 มีนาคม 2562 เทียบกับสินปี 2561)

กำไรเฉพาะธุรกิจหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮาส์ จำกัด (มหาชน)

ลดลง 82.7%  จาก 147.7 ล้านบาท(ไตรมาส1 ปี2561) เหลือ 25.6 ล้านบาท (ไตรมาส 1 ปี 2562)

กำไรเฉพาะหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด

ลดลง 22.5% จาก 31.1 ล้านบาท (ไตรมาส1 ปี 2561 ) เหลือ 24.1 ล้านบาท (ไตรมาส 1 ปี 2562)