เจาะลึกตั๋วแลกเงิน B/E (Bill of Exchange) คืออะไร?

ช่วยแชร์ต่อนะครับ

ตั๋วแลกเงิน B/E (Bill of Exchange)เป็นคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่ใช้ในการค้าระหว่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งผูกมัดฝ่ายหนึ่งให้จ่ายเงินจำนวนคงที่ให้กับอีกฝ่ายหนึ่งตามความต้องการหรือตามวันที่ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ตั๋วแลกเงิน B/E (Bill of Exchange)มีความคล้ายคลึงกับเช็คและตั๋วสัญญาใช้เงิน โดยบุคคลหรือธนาคารสามารถออกและโดยทั่วไปสามารถโอนกันได้โดยการสลักหลัง

การทำธุรกรรมตั๋วแลกเงิน B/E (Bill of Exchange) มีส่วนร่วมสามฝ่าย drawee เป็นฝ่ายจ่ายเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ในตั๋วแลกเงิน payee เป็นผู้รับเงินก้อนนั้น drawer เป็นฝ่ายบังคับให้ drawee ให้แก่ payee drawer และ payee เป็นนิติบุคคลเดียวกัน เว้นแต่ผู้สั่งจ่ายจะโอนตั๋วแลกเงินไปยังผู้รับเงินที่เป็นบุคคลที่สาม

อย่างไรก็ตาม ตั๋วแลกเงินเป็นเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรซึ่งสรุปความเป็นหนี้ของลูกหนี้ที่มีต่อเจ้าหนี้ ซึ่งแตกต่างจากเช็ค มักใช้ในการค้าระหว่างประเทศเพื่อชำระค่าสินค้าหรือบริการ แม้ว่าตั๋วแลกเงิน B/E (Bill of Exchange) จะไม่ใช่ตัวสัญญา แต่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องสามารถใช้ตั๋วแลกเงินเพื่อปฏิบัติตามเงื่อนไขของสัญญาได้ สามารถระบุได้ว่าการชำระเงินจะครบกำหนดตามต้องการหรือในวันที่กำหนดในอนาคต มักจะขยายออกไปพร้อมกับเงื่อนไขเครดิต เช่น 90 วัน ผู้รับจะต้องยอมรับตั๋วแลกเงิน B/E (Bill of Exchange) จึงจะใช้ได้

ตั๋วแลกเงิน B/E (Bill of Exchange) โดยทั่วไปไม่จ่ายดอกเบี้ย จึงมีสาระสำคัญเป็นเช็คลงวันที่ภายหลัง พวกเขาอาจมีดอกเบี้ยหากไม่ชำระภายในวันที่กำหนด อย่างไรก็ตาม ในกรณีนี้จะต้องระบุอัตราในตราสาร ในทางกลับกันสามารถโอนเป็นส่วนลดก่อนวันที่ระบุสำหรับการชำระเงิน ตั๋วแลกเงินต้องระบุจำนวนเงิน วันที่ และฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้เบิกและผู้เบิกอย่างชัดเจน

หากธนาคารเป็นผู้ออกตั๋วแลกเงิน B/E (Bill of Exchange) จะเรียกว่าดร๊าฟท์ธนาคาร ธนาคารผู้ออกรับประกันการชำระเงินในการทำธุรกรรม หากตั๋วแลกเงิน B/E (Bill of Exchange) ออกโดยบุคคล จะเรียกว่าเป็นตั๋วแลกเงิน B/E (Bill of Exchange) หากต้องชำระเงินทันทีหรือตามต้องการ ตั๋วแลกเงิน B/E (Bill of Exchange) จะเรียกว่า ตั๋วแลกเงิน (Sight Draft) ในการค้าระหว่างประเทศ ร่างกฎหมายอนุญาตให้ผู้ส่งออกถือกรรมสิทธิ์ในสินค้าส่งออกได้จนกว่าผู้นำเข้าจะรับมอบและชำระเงินทันที อย่างไรก็ตาม หากต้องชำระเงินในวันที่กำหนดในอนาคต จะเรียกว่าแบบร่างเวลา แบบร่างเวลาช่วยให้ผู้นำเข้ามีเวลาสั้น ๆ ในการชำระเงินให้กับผู้ส่งออกหลังจากได้รับสินค้า

ความแตกต่างระหว่างตั๋วสัญญาใช้เงินและตั๋วแลกเงิน B/E (Bill of Exchange) คือ ตั๋วแลกเงิน B/E (Bill of Exchange) สามารถโอนได้และสามารถผูกมัดฝ่ายหนึ่งให้จ่ายเงินให้กับบุคคลที่สามที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสร้างตั๋วแลกเงิน ธนบัตรเป็นรูปแบบทั่วไปของตั๋วสัญญาใช้เงิน เจ้าหนี้จะออกตั๋วแลกเงิน B/E (Bill of Exchange) และสั่งให้ลูกหนี้จ่ายเงินจำนวนหนึ่งภายในระยะเวลาที่กำหนด ในทางกลับกัน ตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นออกโดยลูกหนี้และเป็นคำสัญญาว่าจะจ่ายเงินจำนวนหนึ่งในช่วงเวลาที่กำหนด

เช็คเกี่ยวข้องกับธนาคารเสมอ ในขณะที่ตั๋วแลกเงินอาจเกี่ยวข้องกับใครก็ได้ รวมถึงธนาคารด้วย เช็คสามารถสั่งจ่ายได้ตามต้องการในขณะที่ตั๋วแลกเงินสามารถระบุได้ว่าการชำระเงินจะครบกำหนดตามต้องการหรือในวันที่กำหนดในอนาคต ตั๋วแลกเงิน B/E (Bill of Exchange) โดยทั่วไปไม่จ่ายดอกเบี้ย จึงมีสาระสำคัญเป็นเช็คลงวันที่ภายหลัง พวกเขาอาจได้รับดอกเบี้ยหากไม่ชำระภายในวันที่กำหนด แต่ต้องระบุอัตรานั้นไว้ในตราสาร ตั๋วแลกเงินเป็นเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรซึ่งสรุปความเป็นหนี้ของลูกหนี้ที่มีต่อเจ้าหนี้ ซึ่งแตกต่างจากเช็ค